เครื่องทำซาลาเปาทำงานอย่างไร
มีคำถามเข้ามามากเกี่ยวกับเครื่องทำซาลาเปาครับ ในตลาดเครื่องจักรมีเครื่องปั้นสอดใส้อยู่หลายรุ่นแต่มีเพียงไม่กี่รุ่นที่สามารถทำซาลาเปาได้ดี เนื่องจากซาลาเปาหรือขนมปังมีเปลือกที่ต้องอาศัยการหมักหลังจากขึ้นรูปแล้ว ดังนั้นการขึ้นรูปจึงต้องไม่ทำลายเนื้อแป้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถหมักให้พองฟูได้ เป็นเหตุให้ซาลาเปาที่ได้มีเปลือกที่กระด้าง แน่นและหนัก ทานไม่อร่อยชนิดที่ยอมรับไม่ได้เลย
่ วิธีการทำงานของเครื่องทำซาลาเปาแบบที่ได้ผลออกมาดีที่สุดจะใช้เครื่องระบบสายพาน หรือ Multi-Function Food Mouldingโดยผู้ใช้จะต้องผสมแป้งและเตรียมแป้งให้เป็นแผ่น ที่บางพอควรแล้ววางแผ่นแป้งลงบนสายพาน เครื่องจะลำเลียงแผ่นแป้งเข้าไปและปรับความหนา ของแผ่นแป้งโดยใช้ลูกกลิ้งรีด จากนั้นแผ่นแป้งจะตกลงมาบนสายพานอีกชุดหนึ่ง โดยที่สายพานชุดนี้จะมีเครื่องฉีดใส้ฉีดลงบนแผ่นแป้งนั้น และใส้จะถูกม้วนเข้าไปอยู่ตรงกลาง โดยอุปกรณ์ม้วนแป้ง มาถึงจุดนี้เราจะได้แป้งทรงกระบอกที่มีใส้อยู่ตรงกลาง จากนั้นแป้งและใส้จะถูกลำเลียงไปยังเครื่องตัดและขึ้นจีบ เป็นอันเสร็จ
 |
เครื่อง Multi-Function Food Moulding รุ่น HM668 ความเร็ว ประมาณ 2000-3000 ลูก ต่อชั่วโมง สามารถตั้งขนาดของสินค้าโดยการควบคุม ความเร็วในการตัด ความหนาของแป้ง และอัตราการใส่ใส้
|
 |
รีดแป้งโดยเครื่องรีดแป้งเพื่อให้เป็นแผ่นเสียก่อน อาจใช้เครื่องรีดแป้งแบบง่าย ๆ ดังในรูป |
|
เมื่อผสมแป้งแล้ว รีดให้เป็นแผ่นแล้วป้อน ลงไปบนสายพานขาเข้าของเครื่อง เครื่องจะลำเลียงแป้ง (เปลือก) เข้าไปในเครื่อง เครื่องจะทำการปรับขนาดของแป้งโดยชุด ลูกกลิ้งหลายชุดเพื่อให้ความหนาของแป้ง และความกว้างคงที่ตามที่กำหนดโดยไม่ ทำลายเนื้อแป้ง จากนั้นเครื่องจะส่งแป้งขึ้น ไปบนสายพานชุดกลางเพื่อรอการใส่ใส้
|
|
ขั้นตอนการใส่ใส้ครับ เครื่องจะฉีดใส้ลงบน แผ่นแป้งที่ได้เตรียมความหนามาแล้ว จากนั้นลูกกลิ้งม้วนจะทำการม้วนเพื่อให้ ได้รูปทรงกระบอกโดยมีใส้อยู่ข้างใน |
|
ม้วนเสร็จแล้วครับ เตรียมพร้อมสำหรับการ ตัดและจีบ |
|
แป้งม้วนที่ได้จะถูกส่งมาตัดที่ชุดตัด ที่นี่เราจะตัดและทำจีบในเวลาเดียวกัน เราก็จะได้ซาลาเปาโดยสมบูรณ์ |
|
ได้แล้วครับ ซาลาเปา |
|
หากต้องการให้วางลงในถาดโดยอัตโนมัติ ก็สามารถหาซื้อเครื่องลงถาดอัตโนมัติได้อีก โดนต่อกับปลายสายพานของเครื่องทำซาลาเปา
|
คลิปด้านล่างเป็นคลิปสำหรับขนมที่ต้องการทำแป้งเป็นชั้นๆนะครับ คือเราต้องทำแป้งให้เป็นชั้นด้วยเครื่องรีดแป้งมาก่อนที่จะนำแป้งเข้าสู่เครื่องนะครับ ดูจากคลิปจะเห็นภาพมากกว่าครับ
ทำขนมเปียะชั้นด้วยเครื่องจักรได้อย่างไร
เรื่องนี้เป็นคำถามที่ถามเข้ามามากเช่นกัน ผมจะขอตอบตามที่ผมทราบครับเท่าที่ทราบมีอยู่สองวิธีครับ
วิธีแรก กำลังผลิตประมาณ 3,000-4,000 ลูกต่อชั่วโมง เราจะใช้เครื่อง Multi-Function Food Molding Machine รุ่น HM-868 เป็นตัวหลักครับ
ขั้นแรก เราจะต้องทำการเตรียมแป้งให้เป็นชั้น ๆ ก่อนโดยใช้เครื่องรีดแป้ง จะเป็นแบบสองแขน
หรือแบบแขนเดียวก็ได้หรือจะใช้ไม้รีดแป้งแบบธรรมดาก็ได้ เมื่อเราได้แป้งที่มีชั้นแล้วก็เอาแผ่นแป้งนี้ไป
ป้อนให้กับเครื่อง HM-868 ซึ่งเครื่องจะทำการห่อใส้ให้โดยอัตโนมัติ วิธีนี้จะมีข้อดีคือ สามารถผลิตสินค้าได้ด้วยเครื่องในทุกขั้นตอน แต่ข้อเสียคือ รอยตัดด้านบนและด้านล่างของขนม อาจทำให้ขนมไม่สวยเนื่องจากแป้งที่เป็นชั้นจะมีโซว ซึ่งถ้าโซวแตกจากผิวแป้งจะเห็นเป็นรอยชัดเจน ถึงแม้ว่าไม่มีผลทางรสชาดแต่มีผลทางรูปลักษณ์และจิตใจครับ
 |
หน้าตาของเครื่อง HM-868 พร้อม อุปกรณ์เสริม Automatic Cross Cutter(ซื้อเพิ่ม) ตัวยาวไม่ใช่เล่น |
 |
เตรียมแป้งเปลือกโดยรีดแป้งและ โซวให้เป็นชั้นตามที่ต้องการตามรูป แล้ววางลงบนสายพานของ เครื่องสอดใส้ HM-868 สายพานนี้จะนำแป้งเข้าเครื่อง เราจะสามารถต่อแป้งไปได้เรื่อย ๆ หลังจากที่แป้งถูกดูดเข้าไปในเครื่อง |
 |
เมื่อเครื่องดูดแป้งเข้ามาแล้ว จะทำการรีดแป้งนี้เป็นแผ่นบางลง เรื่อย ๆ ด้วยลูกกลิ้งหลายชุด จนเราได้ความหนาตามต้องการ จากนั้นเครื่องจะทำการฉีดใส้ลงไปบน แผ่นแป้งและม้วนแป้ง เราจะได้แป้ง แท่งยาว ๆ ซึ่งมีใส้อยู่ตรงกลาง |
 |
จากนั้นแท่งแป้งที่ได้จะถูกลำเลียง โดยสายพานมาสู่ชุดตัด (Shutter) โดยชุดตัดจะทำการตัดและปิดหัวและ ท้ายให้พร้อมทั้งกดขนมของเราให้ได้ รูปทรง เป็นอันเสร็จ |
 |
เมื่อเราได้ลูกขนมเปียะแล้ว ก็ต้อง ทาไข่แดงให้สวยงาม ก่อนนำไปอบ ได้ผลงานหลังทาไข่แล้วดังรูป |
|
|
วิธีที่สอง จะใช้เครื่องปั้นสอดใส้ (Encrusting Machine) รุ่น HM-168 เป็นหลัก
วิธีนี้เราจะใช้เครื่องเป็นตัวอำนวยความสะดวกในการแบ่งใส้พักไว้ และการห่อโซวด้วยแป้งเปลือก
โดยเครื่องสามารถห่อได้เร็วมาก ประมาณ 50-70 ชิ้นต่อนาที จากนั้นใช้เครื่องม้วนเปลือกเพื่อ
ทำเปลือกให้เป็นชั้นๆ แล้วสุดท้ายห่อแป้งและใส้ด้วยมือ ซึ่งแน่นอนว่ายังคงต้องทำงานมาก
แต่เราพบว่า วิธีนี้ก็สามารถลดงานและเวลาลงได้มากกว่า 70% และยังคงความสวยงามของ
สินค้าไว้ได้โดยสมบูรณ์ ผมขอแสดงภาพประกอบเพียงวิธีที่สองเท่านั้น